อาชีพ ของ นิโคลัส สปากส์

ขณะที่เขาอายุได้ 19 ปี[5] สปากส์ได้เริ่มเขียนนวนิยายชิ้นแรก (ซึ่งไม่เคยได้รับการตีพิมพ์) ชื่อว่า The Passing เขากลับไปอยู่บ้านในช่วงวันหยุดพักฤดูร้อนระหว่างปีหนึ่งจะขึ้นปีสองที่นอเตอร์เดม เขาเขียนนวนิยายขึ้นอีกเรื่องหนึ่งในปี ค.ศ. 1989 ชื่อว่า The Royal Murders ซึ่งไม่เคยได้รับการตีพิมพ์เช่นกัน

หลังจบการศึกษา สปากส์ต้องตัดสินใจระหว่างหางานทำกับสำนักพิมพ์ต่าง ๆ หรือเลือกที่จะเข้าโรงเรียนกฎหมาย แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะไม่ทำทั้งสองอย่าง 3 ปีต่อมา เขาพยายามทำงานหลายอาชีพ เช่น งานประเมินอสังหาริมทรัพย์ พนักงานเสิร์ฟ งานขายสินค้าทันตกรรมทางโทรศัพท์ และเริ่มธุรกิจการผลิตของตัวเอง

ในปี 1990 สปากส์ได้ร่วมมือกับ บิลลี มิลส์ เขียนเรื่อง Wokini: A Lakota Journey to Happiness and Self-Understanding[6] หนังสือเล่มนี้ได้รับการตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์แรนดอมเฮาส์ และ เฮย์เฮาส์ หนังสือเล่มนี้มียอดขายประมาณ 50,000 เล่ม ในปีแรกหลังจากวางแผง[7]

ในปี 1992 สปากส์ได้เริ่มทำงานเป็นผู้จำหน่ายยา และในปี 1993 เขาได้ย้ายไปที่วอชิงตัน ดี.ซี. และที่นั้นเขาได้เขียนนวนิยายอีกเรื่องหนึ่งขึ้นในช่วงเวลาว่างของเขา ชื่อเรื่อง The Notebook[8] สองปีต่อมา มีตัวแทนที่ชื่อ เทเรซา ปาร์ค จากสำนักพิมพ์วรรณกรรมมาพบเขาเข้าและบอกว่าชื่นชอบนวนิยายเรื่อง The Notebook และเสนอที่จะเป็นตัวแทนให้กับเขา ในเดือนตุลาคม ปี 1995 ปารค์ก็วางเงินค้ำประกันจำนวน 1 ล้านเหรียญให้ก่อนล่วงหน้า สำหรับนวนิยายเรื่องนี้ เพื่อให้สำนักพิมพ์ไทม์ วอร์เนอร์ บุ๊ค กรุ๊ป ตีพิมพ์ นวนิยายเรื่องนี้ได้รับการตีพิมพ์ในเดือนตุลาคม 1996 และติดอับดับหนังสือขายดีของนิวยอร์กไทมส์ในสัปดาห์แรกหลังจากวางแผง

จากการประสบความสำเร็จของนวนิยายเรื่องแรกของเขา เขาจึงย้ายมาอยู่ที่นิวเบิร์น หลังจากการตีพิมพ์หนังสือครั้งแรกประสบความสำเร็จ เขาจึงได้แต่งนวนิยายขายดีซึ่งเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลกอีกหลายเล่มและได้รับการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์หลายเรื่อง: Message in a Bottle (1999), ก้าวสู่ฝันวันหัวใจพบรัก (A Walk to Remember) (2002), The Notebook (2004), Nights in Rodanthe (2008), รักจากใจจร (Dear John) (2010), บทเพลงรักสายใยนิรันดร์ (The Last Song) (2010), ลิขิตฟ้าชะตารัก (The Lucky One) (2012), Safe Haven (2013), The Best of Me (2014), ระยะทางพิสูจน์รัก (The Longest Ride) (2015) และ ถ้าเลือกได้ คือรักเธอ (2016) อ้างอิงจากเว็บไซต์ของเขา สปากส์ได้ขายบทดัดแปลงภาพยนตร์เรื่อง True Believer และ At First Sight[9]

แหล่งที่มา

WikiPedia: นิโคลัส สปากส์ http://www.bookbrowse.com/biographies/index.cfm/au... http://www.deadline.com/2014/06/lionsgate-acquires... http://www.imdb.com/name/nm0817023/ http://nicholassparks.com http://www.nicholassparks.com http://www.nicholassparks.com/Novels/AtFirstSight/... http://www.nicholassparks.com/ShortBio.html http://www.ferrum.edu/thanlon/profwrit/nicholasspa... http://web.archive.org/web/20080502151003/http://w... http://www.catholiceducation.org/en/culture/art/mo...